Avicii – I’m Tim ผมชื่อทิม (2024) NETFLIX
VIDEO
เรื่องย่อ : Avicii – I’m Tim ผมชื่อทิม (2024) NETFLIX
ดูหนัง Avicii – I’m Tim ผมชื่อทิม (2024) NETFLIX
บทนำ
ในปี 2024, Netflix ได้นำเสนอสารคดีที่น่าติดตามอย่าง “Avicii – I’m Tim ผมชื่อทิม” ซึ่งเป็นการเล่าเรื่องราวชีวิตของ DJ และโปรดิวเซอร์เพลงที่มีชื่อเสียงระดับโลกอย่าง Avicii หรือที่รู้จักกันในชื่อจริงว่า Tim Bergling สารคดีนี้ไม่ได้เพียงแต่บอกเล่าเรื่องราวความสำเร็จในอาชีพของเขา แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความท้าทายและความทุกข์ทรมานที่เขาต้องเผชิญในชีวิตส่วนตัวอีกด้วย
นักแสดงในเรื่อง
สารคดีนี้ไม่ได้มีการแสดงของนักแสดงในบทบาทที่กำหนดเหมือนภาพยนตร์ฟิกชัน แต่มีการสัมภาษณ์และภาพยนตร์จากเพื่อนๆ และครอบครัวของ Avicii รวมถึงนักดนตรีและผู้ผลิตเพลงที่ร่วมงานกับเขา เช่น:
- David Guetta – โปรดิวเซอร์และนักดนตรี
- Rita Ora – นักร้อง
- Chris Martin – นักร้องนำ Coldplay
- รอบครอบครัวของ Avicii – รวมถึงแม่และพี่ชายของเขา
คะแนน IMDB และ Rotten Tomatoes
ปัจจุบัน “Avicii – I’m Tim ผมชื่อทิม” มีคะแนน IMDB อยู่ที่ 8.5/10 และ Rotten Tomatoes ให้คะแนนความสดใหม่ที่ 95% ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้ชมและนักวิจารณ์ต่างชื่นชอบสารคดีนี้อย่างมาก
สปอยล์และสรุป
สารคดีเริ่มต้นด้วยการบอกเล่าประวัติของ Tim Bergling ตั้งแต่ช่วงวัยเด็กในสวีเดน เขาได้ค้นพบความรักในดนตรีตั้งแต่อายุยังน้อยและเริ่มทำเพลงในห้องนอนของเขาเอง การทะยานเข้าสู่วงการเพลงของเขาเริ่มต้นด้วยการสร้างผลงานที่เป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ เช่น “Wake Me Up” และ “Levels” ซึ่งทำให้เขากลายเป็นหนึ่งใน DJ ที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก
อย่างไรก็ตาม สารคดีนี้ไม่ได้เพียงแค่ชื่นชมความสำเร็จของเขา แต่ยังเน้นถึงความกดดันที่เขาต้องเผชิญในฐานะศิลปินที่มีชื่อเสียง การทัวร์คอนเสิร์ตที่ยาวนาน การรับมือกับความเครียด และการต่อสู้กับปัญหาสุขภาพจิต ซึ่งทำให้เขาตัดสินใจที่จะหยุดการแสดงสดในปี 2016
สารคดีนี้ยังรวมถึงบทสัมภาษณ์จากครอบครัวของ Avicii ที่เล่าถึงความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพและความเป็นอยู่ของเขา รวมถึงการต่อสู้ที่เขาต้องเผชิญในช่วงหลังของชีวิต หลังจากที่เขาเสียชีวิตในปี 2018 สารคดีนี้จึงเป็นการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับปัญหาสุขภาพจิตในวงการเพลง และเป็นการยกย่องชีวิตและผลงานของเขา
ท้ายที่สุด “Avicii – I’m Tim ผมชื่อทิม” เป็นสารคดีที่ควรค่าแก่การรับชม ไม่เพียงแต่เพราะมันเป็นการย้อนรำลึกถึงชีวิตของศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ แต่ยังเป็นการกระตุ้นให้ผู้ชมตระหนักถึงปัญหาที่ศิลปินหลายคนต้องเผชิญในโลกที่มีความกดดันสูง