No Time to Die (2021) 007 พยัคฆ์ร้ายฝ่าเวลามรณะ
VIDEO
เรื่องย่อ : No Time to Die (2021) 007 พยัคฆ์ร้ายฝ่าเวลามรณะ
ดูหนัง No Time to Die (2021) 007 พยัคฆ์ร้ายฝ่าเวลามรณะ
บทนำ
No Time to Die เป็นภาพยนตร์แนวแอคชั่น-ผจญภัยที่โดดเด่นในซีรีส์ 007 โดยเป็นภาคที่ 25 ของแฟรนไชส์ James Bond ซึ่งออกฉายในปี 2021 กำกับโดย Cary Joji Fukunaga และเขียนบทโดย Neal Purvis, Robert Wade และผลงานของ Fukunaga เอง ภาพยนตร์นี้นำเสนอเรื่องราวที่เข้มข้นและซับซ้อนเกี่ยวกับสายลับอังกฤษที่กลับมาทำงานอีกครั้งหลังจากที่เกษียณอายุไปเป็นเวลา 5 ปี นำแสดงโดย Daniel Craig ในบท James Bond และมีนักแสดงชั้นนำอีกมากมายที่ร่วมสร้างสีสันให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้
นักแสดงในเรื่อง
- Daniel Craig – James Bond
- Rami Malek – Safin
- Lea Seydoux – Dr. Madeleine Swann
- Ben Whishaw – Q
- Naomie Harris – Moneypenny
- Ralph Fiennes – M
- Kristoffer Joner – Felix Leiter
- David Dencik – Valdo Obruchev
คะแนน IMDB และ Rotten Tomatoes
ภาพยนตร์ No Time to Die ได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากผู้ชมและนักวิจารณ์ โดยมีคะแนน IMDB อยู่ที่ 7.3/10 และคะแนนจาก Rotten Tomatoes อยู่ที่ 84% ซึ่งแสดงให้เห็นว่าภาพยนตร์นี้มีคุณภาพและความสนุกสนานที่น่าสนใจ
สรุปเนื้อเรื่อง
เรื่องราวใน No Time to Die เริ่มต้นขึ้นเมื่อ James Bond (Daniel Craig) ได้เกษียณอายุและหันหลังให้กับงานในหน่วยข่าวกรอง แต่ชีวิตที่สงบสุขของเขากลับถูกทำลายเมื่อเพื่อนเก่าของเขา Felix Leiter (Jeffrey Wright) ขอความช่วยเหลือจากเขาในการตามหาอาวุธชีวภาพลึกลับที่ตกอยู่ในมือของวายร้ายที่ชื่อว่า Safin (Rami Malek) ที่มีแผนการร้ายแรงที่อาจนำไปสู่การทำลายล้างโลก
Bond ต้องกลับมาทำงานอีกครั้งและเผชิญหน้ากับอุปสรรคมากมาย รวมถึงการเผชิญหน้ากับอดีตและความรักที่เคยมีต่อ Dr. Madeleine Swann (Lea Seydoux) ที่กลับมาเกี่ยวข้องในภารกิจนี้ด้วย ในระหว่างการเดินทาง Bond ต้องใช้ทักษะและความฉลาดในการเอาชนะศัตรูที่มีความรู้ความสามารถและอาวุธที่มีอันตรายสูง
ภาพยนตร์นี้มีการสร้างฉากแอคชั่นที่น่าตื่นเต้นและสวยงาม โดยมีการนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ถูกใช้ในภารกิจของ Bond นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาตัวละครที่ลึกซึ้ง ทำให้ผู้ชมรู้สึกเชื่อมโยงกับ Bond และความพยายามของเขาในการต่อสู้เพื่อความยุติธรรม
ท้ายที่สุด No Time to Die เป็นภาพยนตร์ที่น่าจดจำและมีความหมายในประวัติศาสตร์ของ James Bond โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับแฟนๆ ที่ติดตามซีรีส์นี้มาตลอดระยะเวลาหลายปี ภาพยนตร์นี้ไม่เพียงแต่เป็นการปิดฉากเรื่องราวของ Daniel Craig ในบทบาท Bond แต่ยังเป็นการเริ่มต้นใหม่สำหรับอนาคตของแฟรนไชส์ 007 ด้วยเรื่องราวที่เข้มข้นและน่าติดตาม